post:

วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

คู่ขา ปาท่องโก๋

0 ความคิดเห็น

ปาท่องโก๋ดูเหมือนจะเป็นเมนูแสนจะธรรมดาที่กินคู่กับน้ำเต้าหู้ในยามเช้า แต่วันนี้เราจะขอจับคู่ปาท่องโก๋กับไอติ อยากรู้ว่ารสชาติจะเข้ากันขนาดไหนต้องทดลองชิมที่ ร้าน ปาท่องโก๋ 


ร้านปาท่องโก๋เป็นร้านอาหารขนาดกลางๆติดสี่แยก ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร หน้าร้านจะมีเตาปิ้งปาท่องโก๋ตั้งอยู่เห็นแต่ไกล ร้านนี้เขาไม่ทอดปาท่องโก๋แต่ใช้วิธีย่างแทนเพราะนอกจากจะกรอบไม่แพ้การทอดแล้ว สำหรับคนรักสุขภาพและกลัวอ้วนยังไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำมันอีกตังหาก เราสามารถสั่งปาท่องโก๋ย่างคู่กับท๊อปปิ้งได้ตามใจชอบมีทั้ง สังขยา แยมสตอเบอรี่ บลูเบอร์นี่ ช๊อคโกแลต นมข้น และอื่นๆอีกมากมาย สำหรับใครที่รู้สึกร้อนๆอยากหาอะไรเย็นๆกินคลายร้อนขอแนะนำเมนู ปาท่องโก๋กับไอติม โดยไอติมของที่นี่เป็นไอติม Homemade รสชาติอร่อย ทานคู่กับปาท่องโกแล้วยิ่งเข้ากันไม่น่าเชื่อ ปาท่องโก๋ของคนจีนกับไอติมของฝรั่ง เป็เมนูที่เก๋อย่าบอกใคร


            นอกจากปาท่องโก๋ร้านนี้ยังมีอาหารจานเดียวทั้งขาวหมูแดง ข้าวหน้าปลา ข้าวหน้าไก่ ราดหน้า และก๋วยเตี๋ยวต้มยำรสชาติเยี่ยม เนื้อปลา กุ้งและปลาหมึกของที่นี่สดอร่อยมาก เมนูที่ของแนะนำให้กินรับรองติดใจเลยคือราดหน้าเพราะนอกจากน้ำราดจะรสชาติแปลกไม่เหมือนใครแล้ว ยังมีน้ำจิ้มซีฟู๊ดให้อีกตังหาก ของอร่อยราคาไม่แพง ถ้าใครผ่านแถววัดบวรนิเวศวิหารอย่าลืมแวะร้าน ปาท่องโก๋ นะ
Read More..

วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2554

riverside cruise

0 ความคิดเห็น

อาหารมื้อพิเศษสำหรับคนพิเศษ การล่องเรือทานอาหารค่ำไป ดูแสงไฟสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นบรรยากาศที่โรแมนติกไม่ใช่น้อย
Read More..

วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2554

โซ้ยส้มตำ แซ่บอีหลี

0 ความคิดเห็น
วันนี้ Acooltrip เที่ยว กิน ช๊อป เอาใจขาช๊อปทั้งหลายที่ชอบช๊อปปิ้งที่ห้าง Union mall หลายคนมาช๊อปบ่อยจนเริ่มเบื่ออาหารในห้าง เบื่อร้านบรรยากาศเดิมๆ ใกล้ห้างUnion mall มีร้านอร่อยแน่นอน สาขาลาดพร้าวแอบซ่อนอยู่ แค่ชื่อร้านก็การันตีรสชาติอาหารแล้ว หน้าร้านอร่อยแน่นอนจะมีสะพานสีขาวให้เราเดินข้ามเพื่อเข้าสู่ร้าน ด้านหลังร้านบรรยากาศโปร่ง สบายและน่านั่งกว่าที่คิด เพราะด้านในตกแต่งด้วยสีขาวดูสะอาดตา ร้านนี้มีอาหารหลากหลายชนิดให้เลือก ทั้งอาหารตามสั่ง อาหารทะเลเผา ส้มตำ เนื้อและหมูกระทะที่ย่างโดยใช้ตะแกรงญี่ปุ่น หรือใครอยากกินจิ้มจุ่มรสแซ่บของไทยร้านนี้เขาก็มีเหมือนกัน
         
           ขอประเดิมด้วย ส้มตำไทย ส้มตำข้าวโพดไข่เค็ม คอหมูย่าง ต้มแซ่บกระดูกอ่อน และปิดท้ายด้วยปลากระพงเผา รอไม่นานนักอาหารที่สั่งก็ทยอยมาเสริฟเหลือแต่ปลากะพงที่ช้าหน่อยเนื่องจากต้องใช้เวลาเผา 15 นาที เจ้าของร้านบอกว่าปลาชนิดอื่นเช่นปลาทับทิม ปลาช่อนทางร้านจะเผาเตรียมไว้แต่สำหรับปลากระพงจะเผาเมื่อมีคนสั่งเท่านั้นเพราะถ้าเผาทิ้งไว้แล้วเนื้อปลาจะแข็งและไม่อร่อย


จากการชิมอาหารแต่ละอย่าง ถึงเวลาให้คะแนนแล้ว
 เริ่มจากส้มตำไทย ก่อนเลย  รสชาติอร่อย แซ่บอีหลีได้ใจ จานนี้ผ่านค่ะ ส้มตำข้าวโพดไข่เค็ม ไข่เค็มมาเต็มๆแบบผ่าครึ่งซีก กินคู่กับข้าวโพด อร่อยได้ใจ   ต้มแซ่บกระดูกอ่อน กระดูกอันใหญ่และค่อนข้างแข็งกัดทีฟันเกือบหัก น้ำซุปรสชาติขมใบโหระพา จานนี้ไม่ประทับใจคร่า คอหมูย่าง  มีมันและเนื้อใน อัตราส่วนที่เหมาะสม มันกำลังดี กินกับน้ำจิ้มที่ออกรสน้ำผึ้งนิดๆอร่อยมาก  ปิดท้ายด้วยปลากระพงเผาตัวโตๆ เนื้อหวานมาก มีน้ำจิ้มสองแบบให้เลือกคือ น้ำจิ้มซีฟู๊ดและน้ำจิ้มหวานผสมถั่ว ผสมกันแล้วออกรสเปรี้ยวหวานกลมกล่อม ยิ่งกินคู่กับเนื้อปลาร้อนๆเลิศมากค่ะ
สรุปโดยรวมรสชาติอาหารผ่านฉลุยแม้จะมีบางอย่างที่ไม่ประทับใจ ส่วนราคาก็สมเหตุสมผลค่ะ ไม่แพงจนเกินไป ราคาอาหารส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 80 บาท ส้มตำจานละ 40บาท ส่วนปลากะพงแพงหน่อย ตัวละ 270บาท แต่รสชาติและปริมาณคุ้มราคาค่ะ

เพิ่มเติมสำหรับนักชิม

ร้านอร่อยแน่นอนเริ่มเปิดประมาณบ่าย 3 โมงนะค่ะ

Acooltrip  เที่ยว กิน ช๊อป ขอตัวก่อนนะค่ะ Bye Bye 
Read More..

วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ชิลสุดๆ นั่งเรือเที่ยวกันช๊อป ตอนจบ

0 ความคิดเห็น



ช๊อปจนเพลิน เดินจนขาลาก ความหิวเริ่มมาเยือนอีกครั้ง เพราะเผาผลาญพลังงานไปมาก มื้อเย็นจึงต้องจัดหนัก เราไปกินหมูกระทะกันดีกว่า นั่งเรือด่วนจากวังหลังเพื่อไปท่าเรือพระปิ่นเกล้า ท่าเรือด่วนจะอยู่ใกล้ๆท่าเรือข้ามฝาก ถ้าไม่รู้ว่าท่าเรือด่วนอยู่ตรงไหนลองถามพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้นดูก็ได้ นั่งเรือรับลมแป๊บเดียวก็ต้องเดินขึ้นฝั่งแล้ว ยังไม่ทันลงจากเรือเราจะเห็นร้านหมูกระทะร้านใหญ่อยู่ติดกับท่าเรือเลย  อย่ารอช้าเดินตรงไปจับจองหาที่นั่งและเดินไปตักอาหารได้ทันที แต่ก่อนตักอาหารจะมีพนังงานเสริฟแปะสติกเกอร์ที่เสื้อ อาหารที่มีได้แก่ หมู ไก่ เนื้อ และปลาหมึกจัดเตรียมไว้หลายชนิดเลือกตักได้ตามใจชอบ ผักที่นี่จะมีให้เลือกไม่กี่ชนิดเท่าที่จำได้มีผักกาดขาว ข้าวโพดอ่อน คะน้า กะหล่ำปลีและ โหระพา น้ำจิ้มรสชาติใช่ได้เลยมี สามแบบให้เลือก น้ำจิ้มสุกี้ น้ำจิ้มซีฟู๊ดและน้ำจิ้มคล้ายๆพริกเผา ส่วนอาหารที่ปรุงเสร็จแล้วจะมี สปาเกตตี้ ผัดไท ข้าวผัด บะหมี่หยก ยำ ของหวานจะมีไอศรีมมหาชัย ทับทิมกรอบอะไรประมาณนี้ ไฮไลท์ของร้านนี้อยู่ที่กุ้ง ปลา หอย และบาบีคิวเผา ซึ่งจะเสริฟประมาณ หกโมงเย็น  ที่นี่มีบริการเผาใส่จานไว้ให้แล้ว สะดวกมาก เราแค่เดินไปหยิบแถวๆประตูทางเข้าเท่านั้นเอง ร้านหมูกระทะริมน้ำราคาไม่แพงแถมคุณภาพโดนใจ อย่าลืมลองแวะไปกินกันนะ

เพิ่มเติมสำหรับนักชิม

ร้านหมูกระทะเปิดตั้งแต่  16.00. แต่ขอแนะนำให้ไปใกล้ หกโมงเย็นเพราะกุ้งเผาจะเริ่มเสริฟแล้ว
ที่นั่งติดริมแม่น้ำส่วนใหญ่จะมีคนจอง และตอนค่ำๆคนจะเยอะมาก เพราะที่นี่เขามีดนตรีสดให้ฟังด้วย
ราคา คนเดียว 139 บาท  สองคนขึ้นไป 109บาทต่อคน แต่น้ำจะแพง น้ำสิงห์ราคาขวดละ 25 บาท
บรรยากาศร้านโอเคเพราะติดแม่น้ำ แต่ดูไม่ค่อยสะอาดซักเท่าไหร่

ร้านหมูกระทะร้านนี้ไม่แนะนำสำหรับคนชอบกินผักเพราะว่า มีให้เลือกน้อยมาก แต่ถ้าใครชอบกินกุ้งเผาขอแนะนำว่าต้องไป เรากินจนผุงกางเลย อิ่มมาก

ขากลับนั่งเรือด่วนจากท่าเรือพระปิ่นเกล้ากลับไปที่ท่าเตียน เดินไปขึ้นรถเมล์ที่ Museum siam เพื่อกลับอนุสาวรีย์ ตอนนั่งรถเมล์กลับคิดถึงบรรยากาศตอนนั่งเรือ เพราะความรู้สึกที่ได้รับมันต่างกันจริงๆ
Read More..

วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ชิลสุดๆ นั่งเรือเที่ยวกันช๊อป 2

0 ความคิดเห็น




มาช๊อปปิ้งกับตลาดเก่าสุดแนวกันที ตลาดวังหลัง ผู้คนมากมายทั้งนักศึกษา นักเรียน และคนวัยทำงานในซอกเล็ก ซอยน้อย ซอยยิบ ซอยย่อย ก็ซอยมันเยอะจนแอบเวียนหัว แต่ละซอยเต็มไปด้วยของขายนานาชนิด ของกิน ขนม น้ำปั่น เสื้อผ้า กระเป๋า  เข็มขัด รองเท้า  และที่ขาดไม่ได้เลยต้อง ของมือสอง (second hand)  ของที่นี่ราคาถูกมากๆ แต่ต้องตาดี และMix and match กันเอง

เดินซอยหลักแล้ว แวะเข้าซอยที่มีป้ายเขียนว่า ซอยเด็กแนว ซอยนี้เน้นของมือสอง กระเป๋าหนังราคาน่าประทับใจ รองเท้าบูทสีสดใสราคาไม่แพง เสื้อที่นี่ราคา 50 บาทก็ยังหาได้ ถูกแสนถูกขนาดนี้ไม่หลง ไม่ปลื้ม คงไม่ได้แล้ว แต่ก่อนซื้ออย่าลืมเช็คสภาพให้ดีนะว่า ยังอยู่ในสภาพที่โอเคหรือเปล่า เพราะของมือมันก็มีทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไป



                                                                      รองเท้าหนัง ราคา 100บาท จากวังหลัง


เดินตลาดวังหลังแล้วได้อารมณ์ตลาดเก่าๆ อาร์ตๆ และแนวๆ ดูเป็นตลาดที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง เดินวนไปวนมากหลงเข้าซอยโน่น ออกซอยนี้จนเมื่อยขา ของในมือเริ่มเยอะจนถือไม่ไหว ถึงเวลาต้องหยุดช๊อปและโบกมือลาตลาดวังหลังเสียที
Read More..

วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ทวิภพ ความรักเหนือกาลเวลา

0 ความคิดเห็น


นั่งมองบัตรละครเวทีเรื่องทวิภพในมือสลับกับมองม่านด้วยใจระทึก ไม่อยากจะเชื่อว่าบัตรนักศึกษาราคา 800 จะได้นั่งแถวหน้าสุด บรรยากาศในโรงละครเย็นเฉียบ เสียงผู้ชมเริ่มเงียบลงจนเงียบสนิท ทันทีที่ม่านเปิดความบันเทิงกำลังบังเกิดขึ้น รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังย้อนเวลาไปสู่ยุคสมัยรัชกาลที่5 ฉาก แสง สี เสียง ตัวละคร ทุกอย่างทำให้เชื่อและรู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับเรื่องราวความรักระหว่างหนุ่มสาว(ขุนหลวงอัครเทพวรากรและมณีจันทร์) ความรักของแม่กับลูก และความรักต่อแผ่นดินเกิด รอยยิ้มผุดบนใบหน้าทุกฉากที่มณีจันทร์และขุนหลวงพูดคุยและแสดงความรักต่อกัน เสียงหัวเราะดังลั่นเมื่อแม้น(เหมี่ยว ปวันรัตร์) ออกมาเป็นตัวชูโรง ซาบซึ้งจนกลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่เมื่อนางเอกและพระเอกยืนคนละด้านกันของกระจก ขนลุกและรู้สึกรักประเทศชาติเมื่อมีการกล่าวถึงการเสียดินแดน ทุกฉาก ทุกตอน ทุกการแสดง ของละครเวที เรื่อง ทวิภพ ทำให้เรารู้สึกอินไปกับมัน

คำพูดของตัวละครแต่ละตัวสอดแทรกข้อคิดมากมาย การดูละครเวทีในครั้งนี้รู้สึกคุ้มค่า หากเปรียบละครเวทีเรื่องนี้เป็นอาหาร คงเป็นอาหารที่รสกลมกล่อมเพราะหลอมรวมหลากหลายวัตถุดิบ หลากหลายความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียว สิ่งที่รู้สึกทันทีที่ละครเวทีเรื่องนี้จบ คือ ความสุขเกินบรรยาย

สำหรับใครที่ยังไม่เคยดูละครเวที หากได้ดูละครเวทีซักเรื่องจะสัมผัสได้ถึงความพิเศษและเอกลักษณ์ของละครเวทีที่ต่างจากภาพยนตร์อย่างชิ้นเสียง


เพิ่มเติมสำหรับผู้สนใจ

ละครเวทีเรื่องถัดไป : เรื่องสี่แผ่นดิน

สถานที่แสดง : เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์

ที่ตั้งสถานที่  : ชั้น 4 ศูนย์การค้าเอสพลานาด ถ.รัชดาภิเษก นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไป      สะดวกมาก เพราะสามารถเดินเข้าห้างได้เลย

บัตรราคา 2,800 บาท 2,300 บาท 1,800 บาท 1,500 บาท 1,000 บาท และ 500 บาท

สำหรับนักศึกษา บัตรราคา 800 บาท จากราคา 1,800 เราได้นั่งหน้าสุด แม้จะเอียงและเมื่อยคอนิดหน่อย แต่เห็นหน้าพี่โดมชัดมาก หล่อขั้นเทพจริงๆ คุ้มสุดๆ




Read More..

วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ชิลสุดๆ นั่งเรือ เที่ยว กิน ช๊อป 1

0 ความคิดเห็น
ชิลสุดๆ นั่งเรือ เที่ยว กิน ช๊อป 1


ทริปนี้ขอนำเสนอการเดินทางทางน้ำ สนองความอยากนั่งเรือส่วนบุคคล เราก็เลยค้นหาที่เที่ยว ที่กิน และที่ช๊อปที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใครเริ่มเบื่อรถติด อยากเปลี่ยนบรรยากาศ อยากนั่งรับลมสบายๆ มองวิววัดสวยๆสองข้างทาง ในวันหยุดสุดสัปดาห์  ลองนั่งเรือเที่ยว แล้วจะรู้ว่าชิลได้ใจ
เตรียมตัวพร้อมลุย
1.พกครีมกันแดด แว่นตากันแดด และหมวก มีไว้เผื่อโชคร้ายวันที่เที่ยวแดดร้อนเปรี้ยงๆเดี๋ยวผิวจะเสีย
2. แต่งตัวทะมัดทะแมงไม่แนะนำให้ใส่กระโปรงยาวหรือกางเกงยาวลากพื้นเพราะเวลาขึ้นเรือจะไม่สะดวก
เริ่มเที่ยวกันเลย
สถานที่แรกที่จะไปคือ Museum siam พิพิธภัณฑ์แห่งนี้อยู่ใกล้ท่าเรือท่าเตียน เริ่มออกจากอนุสาวรีย์นั่งรถเมล์ สาย 12 คันสีส้ม ฝั่งโรงพยาบาลราชวิถี รถจะวิ่งผ่านตึกรามบ้านช่องซึ่งดูเก่าแก่ ผ่านวังสวนกุหลาบ และสถานที่อื่นๆซึ่งเราไม่รู้จัก รู้แต่ว่าเมื่อมองสองข้างทางแล้วรู้สึกชอบเพราะบรรยากาศดูเก่าๆและขลัง ๆ ความแตกต่างของตัวอาคารแถวนี้แตกต่างจากฝั่งสยามอย่างสิ้นเชิง อาคารแถวนี้ยังมีกลิ่นอายของความสถาปัตยกรรมดั่งเดิมอยู่ เมื่อรถสีส้มพาเรามาถึงพิพิธภัณฑ์สิ่งแรกที่สะดุดตาคือ ตึกแบบสมัยก่อนและ ซุ้มโค้งอันใหญ่ตรงสนามหญ้า



พิพิธภัณฑ์สยามสามารถแบ่งได้ 2 ส่วน คือส่วนสนามหญ้าและส่วนตัวอาคาร บริเวณสนามหญ้ามีไว้สำหรับจัดนิทรรศการชั่วคราซึ่งจะสับเปลี่ยนอยู่เสมอ เช่น นิทรรศการสืบจากส้วมซึ่งจัดแสดงส้วมนานาชนิดทั้งส้วมหลุม ส้วมซึม หรือส้วมไฮเทค นิทรรศการเครื่องรางของขลัง และ นิทรรศการเกี่ยวกับ know how ชาวนาที่เนรมิตสนามหญ้าด้านหน้าเป็นทุ่งนาได้เหมือนจริงมาก ส่วนตัวอาคารของพิพิธภัณฑ์จะแบ่งเป็น 3 ชั้น ชั้นแรกมีห้องดูหนังจะงงๆนิดนึง พอสรุปได้ว่าหนังต้องการถามเราว่าไทยแท้คืออะไร? ถัดจากห้องดูหนังจะเป็นห้องสำหรับถ่ายรูป มีโรงภาพยนตร์ ร้านส้มตำ รถตุ๊กตุ๊ก เตรียมรัวชัตเตอร์ได้ไม่ยั้ง

 ต่อจากชั้นหนึ่งจะต้องขึ้นชั้นสามซึ่งจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับดินแดนสุวรรณภูมิ เกี่ยวกับการค้า ศาสนา ซึ่งมีการนำเสนอที่สนุกและน่าสนใจ

ลงมาชั้นสองจะเริ่มห้องแรกเกี่ยวกับการรบ ห้องนี้มีเกมให้เล่นสองเกมคือเกมวางแผนการรบและเกมยิงปืนใหญ่ สนุกสนานเร้าใจมาก ห้องถัดไปเกี่ยวกับของเล่นสมัยเก่า และต่อด้วยห้องที่สาวๆชื่นชอบมากเป็นพิเศษเพราะมีชุดให้แปลงกายเป็นคุณหญิงในสมัยก่อนไว้ถ่ายรูปไว้ดูเล่นเก๋ๆ ห้องถัดไปคือห้องเกี่ยวกับวิทยุและโทรทัศน์ เราสามารถไปนั่งอ่านข่าวและบันทึกวิดีโอได้ด้วยแหละ ห้องเกือบท้ายสุดเหมาะสำหรับคนชอบถ่ายรูปอีกเหมือนกัน ห้องนี้จำลองบรรยากาศร้านอาหารในยุคเก่าทั้งการตกแต่งและเสียงเพลงทำให้รู้สึกเหมือนเรากำลังย้อนเวลาไปยุคเก่าจริงๆ หน้าร้านมีรถยนต์สีแดงสุดคลาสิกไว้ให้ยืนประกบถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย ห้องสุดท้ายก่อนบอกลาเป็นห้องให้เราเขียนความรู้สึกบนจอคอมพิวเตอร์ ข้อความที่เราเขียนจะไปปรากฏบนผนังสีขาว การเที่ยวพิพิธภัณฑ์ Museum siam ทำให้เราเข้าใจคำว่าไทยมากขึ้น ทำให้เรารู้สึกสนุกสนานเพลิดเพลินกับการนำเสนอเรื่องราวในอดีตในรูปแบบต่างๆที่ไม่น่าเบื่อ และได้มีรูปเก็บไว้ดูเล่นอีกเป็นโหล มาเที่ยวพิพิธภัณฑ์ครั้งนี้คุ้มค่าและไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด

เพิ่มเติมสำหรับนักเที่ยว

              เวลาทำการ

วันอังคาร - วันอาทิตย์ เวลา 10.00 - 18.00 น.
(
หยุดทำการวันจันทร์)

              ค่าเข้าชม

นักเรียน นักศึกษา อายุ 15 ปีขึ้นไป ............. 50 บาท
ผู้ใหญ่คนไทย ...................................... 100 บาท
ผู้ใหญ่ชาวต่างชาติ ............................... 300 บาท
หมู่คณะ 5 คนขึ้นไป (ลดครึ่งราคา)
นักเรียน นักศึกษา .................................. 25 บาท
ผู้ใหญ่คนไทย ........................................ 50 บาท
ผู้ใหญ่ชาวต่างชาติ ................................150 บาท

ช่วงเวลาที่เข้าชมฟรี

ตั้งแต่เวลา 16.00 - 18.00 น. ของทุกวันทำการ วันหยุดนักขัตฤกษ์ที่ประกาศโดยสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ

การเดินทาง

เรือ: ท่าราชินี ท่าเตียน
รถโดยสารประจำทาง:
3, 6, 9, 12, 32, 44, 47, 53, 82, 524

เที่ยวพิพิธภัณฑ์จนเริ่มเหนื่อยร่างกายเริ่มหมดแรงแวะหาอะไรกินกันดีกว่า เดินออกทางด้านข้างของพิพิธภัณฑ์เดินตรงไปเรื่อยๆจนสุดซอยและเลี้ยวขวาเดินตรงไปจะผ่านวัดโพธิ์ เดินต่ออีกซักพักจะเจอท่าเรือท่าเตียน ที่นี่แหละที่พวกเราจะฝากท้อง ร้านอาหารตามสั่งร้านเล็กๆร้านนี้ตั้งอยู่ในท่าเรือ ร้านเล็กแต่บรรยากาศดีมากเพราะติดแม่น้ำเจ้าพระยา แถมยังเห็นวิววัดอรุณอีกตังหาก  อาหารอร่อยแถมวิวโดนใจยกนื้วโป้งให้สองนิ้วเลย
กินอาหารเที่ยงเสร็จ เติมพลังกันเรียบร้อยแล้ว พร้อมลุยกันต่อได้เลย ข้างท่าเรือท่าเตียนมีสวนสาธารณะติดริมแม่น้ำไว้นั่งชิลรับลมเพลินๆ นั่งชมบรรยากาศริมแม่น้ำสักครู่ก่อนจะขึ้นเรือด่วนไปสนุกต่อกันที่วังหลัง
เที่ยว กิน ช๊อป 2
Read More..
 
Copyright 2011 @ Acooltrip!
Design by Wordpress Manual | Bloggerized by Free Blogger Template and Blog Teacher | Powered by Blogger